เดินเกือบตายเพื่ออะไร? บน "ดอยหลวงตาก"
- MEEpanda
- Oct 8, 2018
- 3 min read
เดิ
บันทึกการเดินทาง 20 ต.ค. 2560
วันนี้จะมาเมาท์เรื่องเดินป่า ขึ้นเขา ให้ได้อ่านกันค่ะ เกริ่นกันซะหน่อยนะคะว่าแพนเป็นคนที่ไม่เคยซีเรียสเรื่องออฟชั่นในการเดินป่าเลย ไม่ว่าจะชุด รองเท้า อาหาร อุปกรณ์ยังชีพ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามมีตามเกิดอะบอกเลย สำคัญอีกอย่างคือแพนและชาวแก๊งพวกเราจนมาก ฮร่า นั่นจึงทำให้เรามักจะแบกของขึ้นไปกันเองโดยไม่จ้างลูกหาบ แต่รู้มั้ยคะนี่แหละคือความสนุกและเป็นอะไรที่สามารถสร้างความทรงจำแบบโคตรมันส์สำหรับพวกเรา
ดอยหลวงตาก อยู่ที่ไหน?
ดอยหลวงตาก ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งกระเซาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก อยู่สันขอบอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช กับป่าสงวนแห่งชาติที่อาจจะผนวกรวมกับวนอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยแม่ไข มีความสูงประมาณ 1,175 เมตร ระยะทางจากด้านล่างถึงยอดดอยประมาณ 11 กิโลเมตรค่ะ
ถ้าอยากเห็นบรรยากาศแบบ 360 องศา กดดูที่วีดีโอนะจ๊ะ
แล้วมาอ่านรายละเอียด พร้อมดูภาพทั้งหมดข้างล่างนี้จร้าาา
I
I
I
I
V
📷
การเดินทาง
รถส่วนตัว : จะเขียนอธิบายให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวามันก็ดูวุ่นวายเชียว ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์กันเถอะทุกคน มุ่งหน้าเข้าจังหวัดตากแล้วเปิด Google maps เลยค่ะ
รถโดยสาร : วิธีนี้สะดวกสบายสุดไม่ต้องเมื่อยขับรถเอง นั่งรถทัวร์มาลง "แยกบ้านตาก" แล้วติดต่อให้เจ้าหน้าที่มารับได้เลยจร้า
(ถามรายละเอียดจองทริปได้ที่ พี่ตู่ 082 164 1510 พี่เค้าเป็น จนท. ที่นำทางพวกแพนขึ้นเขาค่ะ)
📷
ทริปนี้แพนไปกับเพื่อนทั้งหมด 8 คน 3 วัน 2 คืน ค่ะ เรานั่งรถทัวร์เที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. ถึงแยกบ้านตากประมาณ 7 โมงเช้า พอดี๊ พอดี แต่มานานก็ตอนรอรถ จนท. มารับเนี่ยแหละ ฮร่า
📷
อย่างที่เห็นในภาพเลยค่ะเป็นรถกระบะ นั่งผึ่งลมหน้าแห้งกันไปซัก 20 นาทีได้ก็มาถึงที่ทำการ จนท. เอาจริงนะกว่าเราจะล้างหน้า กินข้าว เตรียมตัวขึ้นก็สายโด่งเลยแหละ แพนเห็นกลุ่มอื่นเค้านั่งรถไปตีนเขากันหมดละ พวกเรานี่สายชิลจริงๆ
📷
เท่าที่เห็นชาวบ้านเค้าเขียนรีวิวอะนะ ก่อนขึ้นต้องมาถ่ายรูปชาวแก๊งคู่กับป้ายนี้ ประมาณว่า เออ...นี่จุดเริ่มต้นนะ ต้องเดินไปอีก 11 กิโลนะ จะถึงยอดเขานะ แต่.......แก๊งแพนไม่ได้ถ่ายกัน ฮร่า ก็รีบขึ้นอ่าตอนนั้นมัน 9 โมงกว่าแล้วกลัวไปถึงเย็น เลยคุยว่าตอนลงค่อยมาถ่าย และสุดท้ายก็ไม่ได้ถ่าย นี่แพนแคปรูปมาจากวีดีโอ ติดรูปคนอื่นมาเฉยเลย แหะ แหะ
📷
เลิกอาลัยอาวรป้าย แล้วเดินๆ ก้าวๆ กระโดดๆ กันเลยดีกว่าเพราะด่านแรกก็เอาซะแล้ว เจอสายน้ำกั้นทางแบบนี้มีให้เลือก 2 ทาง ถ้าไม่กระโดดข้ามก็ลุยน้ำมานะจ๊ะ
📷
📷
เอ้อ...ลืมบอกว่าทริปนี้ แพนกับเพื่อนๆ เราแบกของกันเองทั้งหมด ไม่ได้จ้างลูกหาบ เพราะไม่มีงบ!!! ก็มันต้องจ้าง จนท. นำทางด้วยอ่า ไอ้เรามันสายยาจกกันอยู่แล้วอะไรทอนได้ก็ทอนไป ^0^ กลายเป็นว่า คนนึงต้องแบกของไม่ต่ำกว่า 10 กิโล อย่างของแพนก็เกือบ 20 กิโลได้ ส่วนใหญ่ก็ของส่วนกลางนี่แหละ อาหาร ของใช้ บลาๆๆๆๆ 📷
ทางเดินช่วงแรกไม่ค่อยหวือหวาอะไรมากค่ะ เดินง่ายอยู่ ก็มีขึ้นเนินบ้างพอให้รู้สึกหอบเล็กๆ บวกกับแดดตอนนั้น แหม่...หนาวจับใจเหลือเกิน
📷
📷
เดินมาเรื่อยๆ ตามลำธาร เจอเงาไม้บ้างก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น ต่อจากนี้จะเป็นภาพบรรยากาศของการเดินในช่วงแรกนะคะ
📷
📷
📷
📷
📷
ตอนเดินช่วงแรกแพนก็คิดนะว่าป่ามันก็มีทางเดินชัดเจน สามารถเดินเองได้ไม่น่าเสียตังค์จ้างคนนำทาง แต่เดินมาซักพัก เออดีนะมีคนนำ เพราะภายในป่าแห่งนี้ไม่ใช่แค่เปิดให้สำหรับเดินทางไกลขึ้นยอดเขาเท่านั้น ยังมีชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่า เก็บเห็ด เก็บหญ้า ทำให้ทางเดินในป่ามีทางแยกไปหลายที่
📷
ยิ่งขึ้นมาไกลเท่าไหร่ทางก็เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับแพนยังไม่ถือว่าโหดมานัก ถึงจะอวดเก่งขนาดนั้นก็เถอะแต่คุณกระเป๋าข้างหลังนี่มันก็ชวนให้หมดแรงได้ตลอดเลย ประมาณเที่ยงเราเดินกันมาได้ 40% ของระยะทางเต็ม เราก็นั่งกินข้าวเที่ยงกัน ส่วนสายโซเชียลไม่ต้องห่วงเลยจร้า สัญญาณที่นี่มีครบทุกเครือข่าย
📷
มีข้อคิดอยู่อย่างนึงนะ ยิ่งพักนานร่างกายจะยิ่งอ่อนแรง T^T เอ้าลุย!! กินข้าวอิ่มๆ เดินกันต่อบางช่วงจะเป็นป่าโปร่งแสงอาทิตย์ส่องถึงทำให้อากาศร้อนเว่อร์ บวกกับสภาพขาที่เริ่มเหนื่อยประมาณนึง กลายเป็นว่าเดินได้ 10 ก้าวก็พักแล้ว ฮร่า
📷
บอกอยู่ว่าเรามันสายชิล ที่คิดกันคือไม่รู้จะรีบขึ้นทำไมค่อยๆเดิน เหนื่อยก็พัก นั่งเมาท์มอย แวะนอนซักงีบก็สบายดี ถ้ายิ่งรีบมันยิ่งเหนื่อย เปลืองพลังงาน
📷
นั่นแหละค่ะเราก็เดินๆ พักๆ จนในที่สุดก็มาถึงป่าสนประมาณ 4 โมงกว่าได้มั้ง ก็ใช้เวลาอยู่ในเกณฑ์ปกตินะ แต่ป่าสนนี่ยังไม่ถึงจุดกางเต้นท์นะต้องเดินฝ่าดงทากไปอีก ตอนนี้เลยได้โอกาสนั่งเปื่อยๆกันอีกรอบ
📷
📷
📷
📷
จริงๆก่อนเข้าดงทากมันจะมีทางแยกให้ไปชมวิวริมผาแต่เราไม่ไปกัน ด้วยความล้าบวกกับเย็นแล้วต้องไปกางเต้นท์ทำกับข้าวกัน ก็มุ่งหน้าเข้าดงทากค่ะ ขากลับค่อยแวะไปถ่ายรูป
ไอ้ที่เค้ารีวิวกันว่าทากเยอะไรนี่พวกแพนไม่เจอนะ เราเดินเรื่อยๆไม่ได้รีบร้อนอะไรกันแต่ก็ไม่เจอทาก ฮร่า จะว่าไปไม่รู้จะกลัวทำไมนะทากตัวจิ๋วเดียว โดนกัดก็ไม่เจ็บนะ ฉีดซอฟเฟลใส่ ไม่ก็น้ำมันมวย ไม่ก็ซันไลน์ มันก็หลุดละ พวกมดนี่น่ากลัวกว่าอีกคันยุบยิบๆ
📷
ด้วยความที่แพนกับเพื่อนนอนกัน 2 คืน เลยสามารถโยกย้ายที่ตั้งเต้นท์ได้ตามชอบเลยในคืนที่ 2 เพราะวันแรกเราขึ้นไปช้าอะเนาะที่เลยไม่ค่อยเหลือ พอวันต่อมาเค้าลงเขากันไปหมด เหลือกลุ่มแพนกับกลุ่มพี่เดี่ยว(พี่ที่เพิ่งรู้จักกันตอนเดินขึ้นเขา) เลยได้หามุมกางเต้นท์กันสนุกสนานเชียว
📷
บริเวณที่กางเต้นท์
จะมีพื้นที่โดยรวมไม่ใหญ่มากถ้ามากันซัก 10 กลุ่มนี่ก็อยู่แบบใกล้ชิดกันแล้ว จะมี 2 โซน แล้วแต่ชอบเลยค่ะ
ด้านในป่า บริเวณนี้เหมาะมากกับคนที่จะนอนเปลเพราะต้นไม้เยอะ อยู่ใกล้กับทางลงไปตักน้ำและป่ากล้วย
ด้านนอกริมเขา จะมีความโล่งกว่าด้านใน มีต้นไม้พอสำหรับการขึงเชือกกางเต้นท์ ผูกเปลนิดหน่อย จะโปร่งๆไม่มืดแต่ลมมาทีนี่เต้นท์แทบปลิว
📷
📷
📷
📷
📷
บรรยากาศถ่ายมาให้ดูตามนี้นะคะ แพนถ่ายวันที่ 2 พื้นที่เลยดูโล่งๆไม่ค่อยมีเต้นท์ แต่แพนชอบนะไม่วุ่นวายเหมือนวันแรก ส่วนแคมป์ จนท. ก็อยู่ในโซนป่าตรงนี้ค่ะ
📷
อาหารการกิน
ทำกินเองนะจ๊ะ ใครใครใช้แก๊สก็แบกขึ้นไป หรือจะขุดหลุมทำเตาดินก็เอาตามสะดวก แต่บอกไว้ก่อนว่าบนนี้ไม่มีหมูกระทะขายเหมือนภูกระดึงเน้อ เตรียมสเบียงมาให้พอสำหรับจำนวนคนและจำนวนวันนะจ๊ะ แต่เห็นแบบนี้พวกแพนกินดีอยู่นะนะจะบอกให้ ไม่เชื่อไปดูในวีดีโอได้ ฮุ ฮุ
📷
📷
แหล่งน้ำหาจากไหน
ทางนี้เลยค่ะ เดินลงเขาไปในทุ่งหญ้าแบบนี้ จะมีทางเดินให้ลงไปดงทากเพื่อไปกรอกน้ำมากินมาใช้ค่ะ แอบเหนื่อยหน่อยๆตอนขาขึ้น เพราะฉะนั่นถ้าจะไปตักน้ำควรเตรียมขวดไปทีเดียวเยอะๆ จะได้ไม่ต้องเดินบ่อย ส่วนเรื่องทาก ไม่ต้องไปกลัวมัน แพนใส่รองเท้าแตะเดินไปตั้งหลายรอบก็ไม่โดนกัดนะ ถึงมันมาก็ไล่ไป จบๆ
📷
ไปถึงจะเจอตาน้ำเล็กๆแบบนี้นะคะ น้ำใสมาก เวลาเราจะเอาน้ำกินก็กรองจากท่อ pvc ส่วนถ้าใครจะล้างหน้า อาบน้ำ แปรงฟันก็เขยิบตัวเองไปปลายๆสายน้ำ ให้น้ำมันไหลลงป่าไป
📷
ถึงจะเห็นว่าแอ่งน้ำมันเล็กแค่นี้แต่ก็มากพอจะใช้ได้สบายเลย อย่างเพื่อนแพนมันเดินไปตามทางน้ำปลายสายอาบน้ำได้ ถึงน้ำจะตื้นๆหน่อยก็เถอะ
📷
มาดอยหลวงตากต้องตื่นให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นนะ
ความที่ว่าแพนนอนกัน 2 คืน เราเลยมีโอกาศได้ชมวิวหลายวันหน่อย อย่างช่วงเช้าของวันแรกหมอกหนามาก ลมแรงสุดๆ พระอาทิตย์อยู่หลังเมฆ พอเช้าวันที่ 2 วันนี้ฟ้าโปร่งแดดแรงเห็นหมอกแปปเดียว แพนขอเอาภาพของ 2 วันมารวมๆให้ดูทีเดียวแล้วกันนะ เรื่องนี้ทำให้รู้สึกสงสารกลุ่มที่ขึ้นมาวันฟ้าโปร่งเลยอะ เค้ามานอนคืนเดียวเลยพลาดโอกาศเห็นทะเลหมอก ถึงแพนจะเห็นทะเลหมอกแค่แปปๆก็เถอะยังถือว่าโชคดีกว่าเค้าเยอะ
📷
📷
เอ้อ! ถ้าขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดก็จะได้เห็นดาวดินด้วยนะ หมายถึงไฟจากในเมืองค่ะ ก็สวยดีเหมือนตอนขึ้นเครื่องบินแล้วมองลงมาไรงี้
📷
📷
📷
ยอดโล้นหลวง
นี่ไงที่มาของชื่อ โล้นหลวง มันเกลี้ยงเตียนขนาดนี้ มีแต่ต้นหญ้า แพนเดานะอาจเป็นเพราะว่าบริเวณนี้ลมแรงมากเลยทำให้ไม้ใหญ่ไม่ค่อยเกิดกัน มีแต่ต้นหญ้าเท่านั้น "ผู้อยู่รอด"
📷
📷
มันจะมี 2 ยอดที่คนเค้าขึ้นมาเยอะ ถ้ายอดฮิตของคนทั่วไปก็ในภาพค่ะที่เห็นไกลๆข้างหลังแพนตรงนั้นมันจะมีป้ายที่เขียนว่าดอยหลวงตากปักอยู่ ส่วนอีกยอดก็ฝั่งที่แพนกำลังเดินขึ้นมันจะสูงและชันกว่าตรงป้าย ไม่ค่อยมีคนเดินขึ้นเท่าไหร่เพราะชันเนี่ยแหละ ส่วนใหญ่คนเค้านอนคืนเดียว เช้ามาถ่ายรูปคู่กับป้ายแล้วก็เดินทางกลับ แต่นี่แพนนะมาแล้วมันต้องเอาให้ครบ ถ้าเราข้ามเขาที่กำลังเดินขึ้นนี้มาได้ก็จะเจอกับ"ต้นสนเดียวดาย" เดี่ยวแพนพาไปดู
📷
นี่ๆๆๆ ลืมชี้ให้ดูจากจุดกางเต้นท์มาถึงยอดเขาก็ห่างกันประมาณ 2 กิโล ดูภาพด้านบนนี้นะคะ มุมบนขวามือเห็นเต้นท์หลังเล็กๆสีเขียวสะท้อนแสงหลังนั้นมั้ยคะ บริเวณนั้นแหละจุดกางเต้นท์ เราต้องเดินลุยพงหญ้าขึ้นมา เห็นแบบนี้หญ้าสูงมากนะ ท่วมหน้า ท่วมคอ มันก็จะคันนิดหน่อยพอทนได้
📷
📷
ขอขั้นวิวสวยแปปนึงแพนนึกถึงเรื่อง ห้องน้ำ?
ฮร่า มาถึงหัวข้อนี้ไม่รู้จะถ่ายอะไรมาให้ดูกันนะ ก็มันไม่มีอ่ะ เอางี้นะเปิดใจให้กว้างแล้วลองประสบการณ์ใหม่ๆ ขุดหลุม ขรี้! กันนะจ๊ะ เตรียมพลั่วสนามไปด้วยก็ดี หาทำเลเหมาะ ขุด หลุม แล้วปลดปล่อยมัน ทิชชู่ที่ใช้เช็ดก้นอย่าลืมทิ้งลงหลุมก่อนกลบเด้อ จะได้ไม่อุจาดตานะคะ
พูดถึงเรื่อง ขรี้! มีไรจะเมาท์ให้ฟัง เพื่อนแพนมันท้องเสีย โอ้ยยยยย ความซวยจึงบังเกิด วิ่งเข้าป่าเป็นว่าเล่น เช้าวันที่ 2 เรามีแพลนจะไปขึ้นยอดเขาอีกลูกนึง ตอนแรกก็เดินมาด้วยกันดีๆ มันทนไม่ไหวต้องรีบหาที่ปล่อย จะวิ่งไปถึงป่าก็ไกลเกิน อย่างที่เห็นจากภาพด้านบนที่มันเป็นทุ่งหญ้าโล้นๆ เพื่อนแพนเลยต้องขอตัวหายไปในพงหญ้า แต่ก็นะพอพวกแพนเดินขึ้นเขามาพอมองลงไปก็ต้องเห็นเพื่อนคนนั้นอยู่แล้ว ฮร่า กลายเป็นเรื่องขบขันที่เอามาแซวได้ทั้งวันเลย
ยังไม่จบนะ มีเพื่อนอีกคนนึงเดินขึ้นเขามาพร้อมกันนี่แหละมันเห็นไอ้คนท้องเสียได้ปลดปล่อยมั้ง เดินมาจนจะถึงยอดนางเลยขอตัวแวบหายไปในพงหญ้าบนเขา กลายเป็นเรื่องคุยทับกันอีก กูขรี้สูงกว่ามึงไรงี้ อ็ากกกกกก
ต่อที่ "สนเดียวดาย" กันเถอะ ขอร้องงงง
พูดถึงสนเดียวดาย ถ้าจะมาจุดนี้ต้องเดินข้ามเขามา 1 ลูก เดินๆๆๆๆ รับลมมาเรื่อยๆก็เจอยืนตระง่านอยู่ต้นเดียวมันก็ดูสวยดีนะ มินิมอลสุดๆ บางคนที่นอนคืนเดียวเค้าก็ไม่เดินมาถึงจุดนี้หรอกค่ะอย่างว่าอะนะเดินไกล
📷
📷
ถ้าผ่านสนเดียวดายมาได้ก็มาเข้าป่าทากกันเลยค่ะ จะบอกว่าป่าตรงนี้มีทากชุมกว่าป่ากล้วยตรงทางขึ้นที่กางเต้นท์และตรงทางไปเอาน้ำอีกนะ แต่เราก็ยังมีกะใจมาหยุดถ่ายรูป เหอะๆๆๆ ออกจากป่ามาก็เจอยุบยิบๆเต็มรองเท้าเชียว
📷
📷
พอออกมาจากป่าทากแล้วก็จะเจอป่าสนสวยๆแบบนี้ พี่ตู่ (จนท.นำทาง) บอกว่ามีเขาอีกหลายลูกชวนให้เดินไป มันก็น่าสนใจอยู่นะ แต่ติดตรงที่ทางลงโคตรชัน แถมฝนก็เหมือนจะตก พวกเราเลยมาชมแค่ยอดเขาเดียว และมันก็น่าเจ็บใจสุดๆตรงที่พอเดินมาถึงเต้นท์ ท้องฟ้านี่ปลอดโปร่งเชียว เมฆดำลอยไปไหนไม่รู้ ฮึ่ม!
📷
📷
📷
จบๆๆๆ เรามานั่งคุยกันบนยอดดอยหลวงตาก มีแดดจ้าเลยนะ แต่ลมโคตรเย็น ได้พูดคุยรู้จักกับกลุ่มอื่นด้วย สักพักใหญ่ๆเราก็ลงมาอาบน้ำ ทำกับข้าว คุยกันไปๆมาๆก็มืดซะแล้ว
📷
กลางคืนดูดาว พร่างพราว ระยิบระยับ สวยมั้ยล่ะ นานๆทีจะได้เห็นดาวเต็มฟ้าขนาดนี้ อยู่กรุงเทพฯนี้มีแต่ไฟถนน เอาภาพมาฝากซะหน่อย ก่อนจะเดินทางลงเขากันในวันต่อมา
📷
แพนว่ามันเป็น 2 คืนบนเขาที่โคตรสนุกเลยล่ะ ยิ่งไปกับเพื่อนนี่ยิ่งสบายแค่มองตาก็รู้ใจ แถมได้รู้จักคนอื่นเพิ่ม ได้รู้มุมมองจากคนแปลกหน้า ปรัชญาชีวิตของต่างคนที่ต่างกัน แต่มีความชอบที่ตรงกัน นั่นคือการหลงไหลในป่า เขา หมอก ธรรมชาติ สรรพสัตว์รอบตัว นี่มันเฟี้ยวกว่าการนั่งเปิด Google ดูรูป อ่านรีวิวของคนอื่นอีกนะ แหงล่ะ อะไรมันจะดีไปกว่าการได้สัมผัสและเห็นจากตาของตัวเองล่ะเนาะ
📷
ขากลับนี่มันจะดีอีกอย่างนะคือไม่เหนื่อยเท่าตอนขึ้น นั่นก็ทำให้เราสามารถแวะถ่ายรูปในจุดที่ขาขึ้นถ่ายไม่ไหว อย่างหน้าผาตรงนี้ ที่อยู่ก่อนถึงดงทาก ปกติคนมาถึงเค้าจะแวะมาถ่ายรูปมุมนี้ก่อนค่อยเดินไปจุดกางเต้นท์ แต่พวกแพนน่ะหรอ ไม่ไหวแล้วจร้า มาถึงเย็นขนาดนั้นต้องรีบไปกางเต้นท์ก่อน ขากลับก็เอาซะหน่อย📷
วันนี้อากาศดีด้วยเราลงกันตอน 9 โมง มีหมอก มีลมเย็นๆ ฟินไปอี๊ก เราก็เดินกันชิลเลยล่ะคงคอนเซ็ปมากตั้งแต่ขึ้นยันลง ทางลงช่วงแรกจะชันมาก อาจหาไม้ค้ำยันช่วยประคองด้วยจะปลอดภัยหน่อย
📷
ข้อดีอีกอย่างของการเดินลงเขาครั้งนี้คือ กระเป๋าเบาลงไปเยอะเลยจร้าาาาาาา เดินสบาย ได้แวะรับลม ดูวิวตลอดทางแบบไม่ทรมานร่างกายด้วย
📷
แพนชอบต้นนี้มาก เห็นตั้งแต่ตอนเดินขึ้นแล้ว อยากถ่ายรูปนะ แต่แบบร่างกายอ่อนแอ แค่พยุงร่างขึ้นเขายังยากเลย ตั้งใจว่าตอนลงมาต้องถ่ายให้ได้ และได้เก็บรูปมาแบบนี้แหละ สวยมั้ยๆๆๆๆ
📷
📷
แหม่! พอลงเขานี่เดินไวกันจริงเชียว ผ่านมา 3 ชั่วโมง เราก็มาถึงลำธารตรงตีนเขา ที่เราเห็นในช่วงแรกๆที่เดินเข้าป่า จัดเลยสิคะ เหงื่อโชคเต็มตัวขนาดนี้เล่นน้ำดีกว่า
📷
📷
ลักษณะธารน้ำที่นี่ก็แอบคล้ายคีรีวงนิดๆ ถ้าน้ำเยอะกว่านี้อีกนิดใช่เลย ฮร่า เอาเป็นว่าเล่นน้ำเสร็จเราก็เดินต่อไปอีกประมาณกิโลกว่าๆ ถึงทางออก หูยยยยยยยย มันแบบเหมือนเล่นเกมส์และ Winner เลย สบายใจแระทริปนี้ทั้งเหนื่อย สนุก เย็น หนาว ชุ่มฉ่ำ ครบรสเชียวล่ะ
สรุปมาทำอะไรที่ "ดอยหลวงตาก"
เดินป่าฝ่าต้นสาปเสือ ขึ้นเขา เข้าดงไม้ 11 กิโลเมตร
ทักทายทากจิ๋วเจ้าถิ่น
ลอง อึ แบบ Outdoor (ข้อนี้แนะนำนิดนึงให้ขุดหลุมพอประมาณแล้วหย่อนทิชชู่ใส่หลุมก่อนกลบดินจะถือว่ามีวัฒนธรรมทางการขี้ที่ดีมาก )
ชิมน้ำดื่มจากธรรมชาติ กลางดงทาก
ตื่นให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดโล้นหลวง
ถ่ายรูปเป็นเพื่อน "สนเดียวดาย"
ยืนโง่ๆริมเขาให้เมฆลอยผ่านหน้า
นั่งเสวนากันกลางแสงดาว
อยู่ให้ถึง 2 คืน จะได้เดินให้ครบทุกยอด
ตามหาอุโมงรากไม้แล้วถ่ายรูปเท่ๆ
ขากลับ เล่นน้ำเย็นๆในลำธารตีนเขา
สุดท้าย แวะกินส้มตำร้านใกล้ๆที่ทำการอุทยาน ที่โคตรอร่อยและถูกด้วย (ถาม จนท. ได้)
📷
ค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน (สำหรับ 8 คน บนดอยหลวงตาก)
• ค่ารถทัวร์ขาไป (รถ บขส. ม.4ค กรุงเทพฯ - เขื่อนภูมิพล ) 231 x 8 คน 1848 บาท • ค่าอาหารสด - แห้ง ทั้งหมด 2300 บาท • ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 500 x 3 วัน 1500 บาท • ค่ารถรับส่ง บ้านตาก - จุดขึ้นเขา 1200 บาท • ค่ารถ (ที่ทำการอุทยาน - สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ตาก) 800 บาท • ค่ารถทัวร์ขากลับ (รถ บขส. ม.4ค กรุงเทพฯ - เถิน - วังชื้น) 304 x 8 คน 2432 บาท
รวม 10,080 บาท ตกคนละ 1260 บาท
มีใครให้ถูกกว่านี้ม๊ายยยยยยยยยยยย ใครอ่านแล้วรีบแคปหน้านี้ส่งให้ชาวแก๊งเล้ยยย
* เสริมนิดหน่อยถ้าจะจ้างลูกหาบคิดวันละ 600 บาทนะคะ นี่แหละเหตุผลที่แพนต้องแบกของขึ้นไปเอง ฮร่า แต่ถ้าจ้างลูกหาบก็ดีอย่างคือเค้าจะช่วยดูแลเรา ลงไปตักน้ำให้ ก่อไฟให้เรา มันก็จะสบายหน่อย เอาเป็นว่าแล้วแต่สะดวกเลยแล้วกันนะจ๊ะ
**ภาพทั้งหมดในรีวิวนี้มาจากกล้องของทุกคนในแก๊ง (พี่เต๋า ปรี โอ๊ต เอ๋ ขวด จิ แพน พี่แอม ชื่อเรียงตามภาพด้านบน) บางภาพก็แคปเอาจากวีดีโอที่แพนถ่ายเพื่อให้รีวิวนี้ดูสมบูรณ์มากที่สุด เอ้อๆๆๆ ขอบคุณพี่กุ๊กด้วยนะคะที่ให้ยืมแบตกล้อง Gropro มาก้อนนึง ยังไงซะแพนก็ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ แล้วทริปหน้าแพนจะมาเมาท์ให้ฟังใหม่นะเออ...
ภาพบางส่วนจาก หมูโอ๊ตตตตตตตต https://www.facebook.com/muoatphoto/
Comments